เสือดาว
สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันจะพาทุกคนไปพบกับเสือดาวกันค่ะ หรือหลายคนเคยเห็นในสวนสตว์กันค่ะ
เราไปรู้จักกับพวกเขากันเลยค่ะ
เสือดาว หรือ เสือดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Panthera pardus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จัดอยู่ในวงศ์เสือและแมว (Felidae) เป็นเสือขนาดใหญ่รองจากเสือโคร่ง (P. tigris)
ลักษณะทั่วไป
ลำตัวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือมีสีเหลือง มีลายจุดสีดำเรียกว่า "ลายขยุ้มตีนหมา" แต้มบริเวณลำตัวเป็นจำนวนมากโดยลายจุดจะเรียงตัวกันเป็นกลุ่ม ๆ โดยจะปรากฏเฉพาะที่บริเวณด้านหลังและด้านข้างของลำตัว แตกต่างจากบริเวณส่วนหัว ขา เท้า บริเวณใต้ท้องที่จะมีจุดสีดำปรากฏอยู่เช่นเดียวกับขนใต้ท้องที่มีสีขาวหรือสีเทา ขนาดความยาวหัวถึงลำตัว 107–129 เซนติเมตร หางมีความยาว 79.2–99.1 เซนติเมตร ใบหูมีความยาว 6.5–7.4 เซนติเมตร และหนัก 45–65 กิโลกรัม
เสือดาวและเสือดำ จัดอยู่ในเสือชนิดเดียวกัน ซึ่งส่วนมากโดยทั่วไปจะเข้าใจผิดว่า เสือดาว และ เสือดำ เป็นเสือคนละชนิด ซึ่งในการผสมพันธุ์ของเสือดาว ลูกเสือที่เกิดใหม่ในครอกเดียวกัน อาจมีลูกเสือได้ทั้งสองชนิดคือเสือดาวและเสือดำ โดยที่เสือดำจะมีสีขนปกคลุมตามร่างกายด้วยสีดำ ซึ่งมีลายจุดเช่นเดียวกับเสือดาว เพียงแต่กลมกลืนกับสีขนทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด
พบในแอฟริกาและเอเชีย ตั้งแต่แมนจูเรียลงมาถึงอินโดจีน ไทย มาเลเซีย ชวา เอเชียใต้ บางส่วนของเอเชียกลาง จนถึงตะวันออกกลาง โดยเสือดาวที่พบนอกทวีปแอฟริกามักมีอุปนิสัยดุร้ายกว่า สำหรับประเทศไทยพบตามป่าทั่วไปแต่พบมากทางภาคใต้ กินสัตว์ป่าทุกชนิดที่จับได้ เช่น หมู กวาง ลิง นกยูง สุนัข และแมลง บางครั้งปู ปลาก็กิน ว่ายน้ำได้เก่ง มักอยู่อาศัยในป่าโปร่ง สามารถขึ้นล่าเหยื่อบนต้นไม้ หรือ ลากเหยื่อไปกิน บนต้นไม้เพื่อหลีกหนีจากศัตรูได้ ตามลำตัวมีลายจุดสีดำ บนพื้นเหลือง
เสือดาว จัดเป็นเสือขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กระจายพันธุ์กว้างไกลที่สุด และสามารถปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยสามารถอาศัยอยู่ได้ในอุณหภูมิ 43 องศาเซลเซียสในทะเลทราย หรือกระทั่ง -25 องศาเซลเซียสในรัสเซีย และยังอยู่ได้ในระดับความสูงถึง 5,200 เมตร บนเทือกเขาหิมาลัย รวมถึงพื้นที่ป่าที่ใกล้กับชุมชนหรือแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้ด้วย
เชื่อว่าเสือดาว ถือกำเนิดมาเมื่อ 500,000 ปีที่แล้ว ที่แอฟริกา ก่อนจะแพร่กระจายพันธุ์ขยายไปเอเชีย
สถานะภาพปัจจุบัน
สถานภาพตามกฎหมาย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง VU มีแนวโน้มว่าใกล้สูญพันธุ์ สถานภาพในธรรมชาติ IUCN (1996) LR/lcCITES (1996) Appendix I และเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 ของประเทศไทยด้วย
เสือดาวถูกมนุษย์ล่าเพื่อเอาหนัง ซึ่งมีลวดลายสวยงามเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับ โดยหนังเสือดาวเป็นเครื่องแต่งกายในพิธีกรรมทางศาสนาของชนพื้นเมืองในแถบแอฟริกา รวมถึงเนื้อหรืออวัยวะส่วนอื่น ๆ เพื่อการบริโภคตามความเชื่อหรือผู้ที่นิยมบริโภคเนื้อสัตว์ป่า หรือถูกฆ่าเพื่อป้องกันการจู่โจมใส่ปศุสัตว์หรือสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ของมนุษย์ รวมถึงพื้นที่ป่าที่เป็นแหล่งอาศัยก็ถูกแผ้วถางทำลายลงด้วย
ศัพท์มูลวิทยา
ชื่อในภาษาอังกฤษของเสือดาว คือ Leopard มาจากภาษากรีกโบราณ 2 คำผสมกัน คือ λέων (leōn) ที่หมายถึง "สิงโต" และ πάρδος (pardos) ที่หมายถึง "ลายจุด" อันเนื่องจากในยุคก่อนประวัติศาสตร์มีความเชื่อกันว่า เสือดาวเป็นลูกผสมระหว่างเสือโคร่งกับสิงโต ทั้งนี้ในความหมายของชื่อสกุลทางวิทยาศาสตร์ Panthera หมายถึง "เสือใหญ่" หรือ "เสือตัวผู้" โดยรวมแล้วมีความหมายถึง "เสือที่มีลายจุด
รูปร่างลักษณะ
เสือดาว กับ เสือดำ เป็นเสือชนิดเดียวกัน ในลูกเสือครอกเดียวกันมีได้ทั้งเสือดำและเสือดาว
- เสือดาว จะมีลำตัวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเหลือง และมีลายจุดสีดำเป็นจำนวนมาก ลักษณะลายเป็นจุดเรียงตัวกันเป็นกลุ่มดอก ปรากฏเฉพาะบริเวณด้านหลังและด้านข้างลำตัว ส่วนที่หัว ขา เท้า และใต้ท้อง เป็นจุดสีดำโดด ๆ ส่วนขนใต้ท้องเป็นสีขาวหรือสีเทา
- เสือดำ เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิซึม ทำให้มีสีพื้นตามลำตัวเป็นสีดำ ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าเสือดำก็มีลายเช่นเดียวกับเสือดาว เพียงแต่มองเห็นไม่ชัดนัก แต่จะมองได้เด่นชัดถ้าอยู่ท่ามกลางแสงแดด
เสือดำพบทางภาคใต้ของประเทศไทย และมีมากในประเทศมาเลเซีย ส่วนในพื้นที่อื่นพบเสือดาวได้ง่ายกว่า ภาษาพื้นบ้านบางแห่งเรียกว่า "เสือลายตลับ" หรือ "เสือแผ้ว" ภาษาลาว เรียกว่า "เสือลายจ้ำหลอด"
ขนาด
หัวถึงลำตัว ยาวประมาณ 107–129 เซนติเมตร หาง 80–100 เซนติเมตร ขนาดใบหู 6.4–7.5 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 45–65 กิโลกรัม
การกระจายประชากร
พบในแอฟริกา เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออก เรื่อยมาถึงทางภาคใต้ของไทย มาเลเซีย และหมู่เกาะชวา ไม่เคยพบที่เกาะบาหลี เกาะสุมาตรามีน้อยมากในจำนวน
ปริมาณของเสือดาวเมื่อเทียบกับเสือโคร่งแล้วจะมีมากกว่าถึง 3–5 เท่า ในพื้นที่ ๆ มีเสือโคร่ง 1 ตัวอาจพบเสือดาวได้มากถึง 3–5 ตัวเสือดาวอาศัยได้ในสภาพแวดล้อมหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นป่าหรือพื้นที่โล่ง ซึ่งมีหินและพุ่มไม้แห้ง ๆ แต่มันชอบสภาพป่ามากกว่า เสือดาวทนแล้งทนร้อนและอาศัยในพื้นที่ห่างไกลแหล่งน้ำได้ดีกว่าเสือโคร่ง ถ้าจำเป็นจริง ๆ เสือดาวก็ว่ายน้ำได้ แต่โดยปกติมันจะพยายามหลีกเลี่ยง เสือดาวชอบใช้ชีวิตบนต้นไม้และเคลื่อนที่ว่องไวไปตามกิ่งไม้ เสือดาวกินเหยื่อทุกชนิดที่จับได้ เช่น หมู กวาง ลิง นกยูง และหมา มันจะดักคอยเหยื่ออยู่บนต้นไม้และหลังจากฆ่าเหยื่อแล้ว จะลากเหยื่อกลับขึ้นไปกินบนต้นไม้ เพื่อป้องกันสัตว์กินซากมาแย่งอาหาร เสือดาวเริ่มกินเหยื่อที่บริเวณท้องก่อน ในขณะที่เสือโคร่งเริ่มกินที่สะโพกก่อน
นิเวศวิทยาเเละพฤติกรรม
เสือดาวมีวิธีอันชาญฉลาดในการจับค่างและลิงกิน โดยเสือดาวจะวิ่งเหยาะ ๆ ไปมาอยู่ใต้ต้นไม้ พวกลิงค่างบนต้นไม้ก็จะเริ่มตื่นกลัวและเตรียมตัวหนี โดยพากันกระโดดจากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่ง จากนั้น เสือดาวจะแสร้งทำท่าปีนต้นไม้ ลิงที่มีประสบการณ์น้อยจะหลงกลกระโดดลงพื้นเพื่อหาทางหลบหนีไปตามพุ่มไม้ แต่นั่นคือจุดจบของมัน เพราะเสือดาวจะหันมาไล่จับมันอย่างง่ายดาย
การล่าของเสือดาวจะคล้ายกับเสือโคร่ง คือ การไล่ล่าโดยตรง การซุ่มดักเหลื่อ แต่จะแตกต่างไปบ้างก็ตรงที่มันอาจจะขึ้นไปพรางตัวสงบนิ่งอยู่บนต้นไม้ เพื่อรอคอยตะครุบเหลื่อที่ผ่านเข้ามาใกล้ เมื่อล่าเหยื่อได้มันจะกินบริเวณท้องและซี่โคร่งก่อน ต่างจากเสือโคร่งที่จะเริ่มกินเหยื่อบริเวณสะโพกก่อน
นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล ได้เขียนในบทนำของนิยายเรื่อง “เดชเสือดาว” ว่าเสือดาวมีความฉลาดและนิสัยระแวดระวังภัยมากกว่าเสือโคร่ง เวลาที่มันจะเข้าไปกินซากที่มันกินเหลือไว้จากคืนก่อน มันมักจะแอบดูเหตุการณ์อยู่นาน จนแน่ใจว่าไม่มีใครแอบซุ่มนั่งห้างคอยดักยิงมันอยู่ มันจึงจะค่อย ๆ แอบเข้าไปกินซาก ไม่เหมือนกับเสือโคร่งที่มักเดินเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย ศัตรูของเสือดาวก็คือเสือโคร่งนั่นเองที่มักมาแย่งอาหารของมันบ่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีพวกหมาจิ้งจอกและหมาในที่มักเข้ามาแย่งซากสัตว์ของมันเช่นกัน นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องเล่าของพรานหรือชาวบ้านป่าบางคนว่า เสือดาวเวลาเดินจะใช้หางกลบดินเพื่อลบรอยตีนของตัวเอง รวมถึงเมื่อเสือดาวจับเม่นกินเป็นอาหาร ไม่เคยมีรายงานว่าถูกขนเม่นทิ่มตำหรือเล่นงานเอาจนถึงแก่ตายเลย ขณะที่เสือใหญ่อย่างเสือโคร่ง มักถูกขนเม่นทิ่มตำจนตายบ่อย ๆ
เสือดาวจะมีพื้นที่ในการหากินประมาณ 27–37 ตารางกิโลเมตร ส่วนใหญ่จะออกหากินตามลำพัง ยกเว้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์หรือมีลูกอ่อน ปัจจุบันสถานภาพของเสือดาวในประเทศไทยมีจำนวนลดลง เหลืออยู่ตามป่าอนุรักษ์ต่าง ๆ เช่น ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติเขาสก ประมาณ 500 ตัวเท่านั้น
เสือดาวชอบอยู่สันโดษ จะจับคู่เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น ตั้งท้องประมาณ 90–100 วัน ออกลูกครั้งละ 1–2 ตัว เสือดาวตัวเมียสามารถมีลูกได้ตลอดทั้งปี เมื่อลูกยังเล็ก แม่เสือดาวจะคาบลูกไปซ่อนไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย ลูกเสือดาวจะเรียนรู้การล่าเหยื่อจากแม่ เสือดาวใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะโตจนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และจะแยกออกจากแม่ไปอยู่ตามลำพัง เสือดาวมีอายุในสภาพกักขังประมาณ 20 ปี
ที่มา: เสือดาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น